tag:blogger.com,1999:blog-43683146498663521382024-03-13T13:20:02.043-07:00เทคโนโลยีสารสนเทศเเละการสื่อสารสำหรับครูsakkarinhttp://www.blogger.com/profile/16322796580212802664noreply@blogger.comBlogger8125tag:blogger.com,1999:blog-4368314649866352138.post-26570195375712881272013-01-19T23:19:00.001-08:002013-01-19T23:34:41.170-08:001.ความหมายของซอฟแวร์<br />
<br />
ซอฟต์แวร์ คือ การลำดับขั้นตอนการทำงานของคำสั่งที่จะทำหน้าที่สั่งคอมพิวเตอร์ว่าให้ทำอะไร เป็นชุดของโปรแกรมหลายๆโปรแกรมนำมารวมกันให้สามารถทำงานได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่ต้องการ เรามองไม่เห็นหรือสัมผัสไม่ได้แต่เราสามารถสร้าง จัดเก็บ และนำมาใช้งานหรือเผยแพร่ได้ด้วยสื่อหลายชนิดเช่น แผ่นบันทึก แผ่นซีดี แฟล็ชไดร์ฟ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น<br />
<br />
หน้าที่ของซอฟต์แวร์<br />
<br />
ซอฟต์แวร์ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ใช้คอมพิวเตอร์และเครื่องคอมพิวเตอร์ ถ้าไม่มีซอฟต์แวร์ เราก็ไม่สามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำอะไรได้เลย ซอฟต์แวร์สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท<br />
<br />
2. ประเภทของซอฟแวร์<br />
<br />
ซอฟต์แวร์แบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ<br />
1.ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)<br />
2.ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)<br />
3.ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะ<br />
<br />
1. ซอฟท์แวร์ระบบ (System Software)<br />
ซอฟท์แวร์ระบบเป็นโปรแกรมที่บริษัทผู้ผลิตสร้างขึ้นมาเพื่อใช้จัดการกับระบบ หน้าที่การทำงานของซอฟต์แวร์ระบบ คือ ดำเนินงานพื้นฐานต่าง ๆ ของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น รับข้อมูลจากแผงแป้นอักขระแล้วแปลความหมายให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ นำข้อมูลไปแสดงผลบนจอภาพหรือนำออกไปยังเครื่องพิมพ์ จัดการข้อมูลในระบบแฟ้มข้อมูลบนหน่วยความจำรอง<br />
<br />
ซอฟท์แวร์ระบบ (System Software)<br />
<br />
System Software หรือโปรแกรมระบบที่รู้จักกันดีก็คือ DOS, Windows, Unix, Linux รวมทั้งโปรแกรมแปลคำสั่งที่เขียนในภาษาระดับสูง เช่น ภาษา Basic, Fortran, Pascal, Cobol, Cเป็นต้น<br />
<br />
นอกจากนี้โปรแกรมที่ใช้ในการตรวจสอบระบบเช่น Norton’s Utilities ก็นับเป็นโปรแกรมสำหรับระบบด้วยเช่นกัน<br />
<br />
หน้าที่ของซอฟต์แวร์ระบบ<br />
<br />
1) ใช้ในการจัดการหน่วยรับเข้าและหน่วยส่งออก เช่น รับรู้การกดแป้นต่างๆ บนแผงแป้นอักขระ ส่งรหัสตัวอักษรออกทางจอภาพหรือเครื่องพิมพ์ ติดต่อกับอุปกรณ์รับเข้าและส่งออกอื่นๆ เช่น เมาส์ ลำโพงเป็นต้น <br />
<br />
2) ใช้ในการจัดการหน่วยความจำ เพื่อนำข้อมูลจากแผ่นบันทึกมาบรรจุยังหน่วยความจำหลัก หรือในทำนองกลับกัน คือนำข้อมูลจากหน่วยความจำหลักมาเก็บไว้ในแผ่นบันทึก<br />
<br />
3) ใช้เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น เช่น การขอดูรายการในสาระบบ (directory) ในแผ่นบันทึก การทำสำเนาแฟ้มข้อมูล<br />
<br />
ซอฟต์แวร์ระบบพื้นฐานที่เห็นกันทั่วไป แบ่งออกเป็นระบบปฏิบัติการ และ ตัวแปลภาษา<br />
<br />
ประเภทของซอฟต์แวร์ระบบ<br />
ซอฟต์แวร์ระบบ แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ<br />
<br />
1. ระบบปฏิบัติการ (Operating System : OS)<br />
2. ตัวแปลภาษา<br />
<br />
1. ระบบปฏิบัติการ หรือที่เรียกย่อๆ ว่า โอเอส (Operating System : OS) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการดูแลระบบคอมพิวเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องมีซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการนี้ ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้กันมากและเป็นที่รู้จักกันดีเช่น ดอส วินโดวส์ ยูนิกซ์ ลีนุกซ์ และแมคอินทอช เป็นต้น<br />
<br />
1. ระบบปฏิบัติการ (Operating System : OS)<br />
<br />
1) ดอส (Disk Operating System : DOS) เป็นซอฟต์แวร์จัดระบบงานที่พัฒนามานานแล้ว การใช้งานจึงใช้คำสั่งเป็นตัวอักษร ดอสเป็นซอฟต์แวร์ที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้ใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ในอดีต ปัจจุบันระบบปฏิบัติการดอสนั้นมีการใช้งานน้อยมาก<br />
<br />
2) วินโดวส์ (Windows) เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาต่อจากดอส โดยให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานได้จากเมาส์มากขึ้นแทนการใช้แผงแป้นอักขระเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ยังสามารถทำงานหลายงานพร้อมกันได้ โดยงานแต่ละงานจะอยู่ในกรอบช่องหน้าต่างบนจอภาพ การใช้งานเน้นรูปแบบกราฟิก ผู้ใช้งานสามารถใช้เมาส์เลื่อนตัวชี้เพื่อเลือกตำแหน่งที่ปรากฏบนจอภาพ ทำให้ใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ง่ายระบบปฏิบัติการวินโดวส์จึงได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน <br />
<br />
3) ยูนิกซ์ (Unix) เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนามาตั้งแต่ครั้งใช้กับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์เป็นระบบปฏิบัติการที่เป็นเทคโนโลยีแบบเปิด (open system) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผู้ใช้ไม่ต้องผูกติดกับระบบใดระบบหนึ่งหรือใช้อุปกรณ์ที่มียี่ห้อเดียวกัน ยูนิกซ์ยังถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานในลักษณะที่มีผู้ใช้ได้หลายคนในเวลาเดียวกันที่เรียกว่า ระบบหลายผู้ใช้ (multiusers) และสามารถทำงานได้หลายๆ งานในเวลาเดียวกันในลักษณะที่เรียกว่า ระบบหลายภารกิจ (multitasking) ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์จึงนิยมใช้กับเครื่องที่เชื่อมโยงเป็นเครือข่าย เพื่อใช้งานร่วมกันหลายๆ เครื่องพร้อมกัน <br />
<br />
4) ลีนุกซ์ (linux) เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนามาจากระบบยูนิกซ์ เป็นระบบซึ่งมีการแจกจ่ายโปรแกรมต้นฉบับให้นักพัฒนาช่วยกันพัฒนาคุณสมบัติของระบบปฏิบัติการ ระบบปฏิบัติการ<br />
<br />
ลีนุกซ์เป็นที่นิยมกันมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากมีโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ที่ทำงานบนระบบลีนุกซ์จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรแกรมในกลุ่มของกูส์นิว (GNU) และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือระบบลีนุกซ์เป็นระบบปฏิบัติการประเภทแจกฟรี (Free Ware) ผู้ใช้สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย<br />
<br />
ระบบลีนุกซ์ สามารถทำงานได้บนซีพียูหลายตระกูล เช่น อินเทล (PC Intel) ดิจิตอล (Digital Alpha Computer) และซันสปาร์ค (SUN SPARC) ถึงแม้ว่าในขณะนี้ลีนุกซ์ยังไม่สามารถแทนที่ระบบปฏิบัติการวินโดวส์บนพีซีได้ทั้งหมดก็ตาม แต่ผู้ใช้จำนวนมากได้หันมาใช้และช่วยพัฒนาโปรแกรมประยุกต์บนลีนุกซ์กันมากขึ้น<br />
<br />
5) แมคอินทอช (macintosh) เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ แมคอินทอช ส่วนมากนำไปใช้งานด้านกราฟิก ออกแบบและจัดแต่งเอกสาร นิยมใช้ในสำนักพิมพ์ต่างๆ<br />
<br />
นอกจากระบบปฏิบัติการที่กล่าวมาแล้วยังมีระบบปฏิบัติการอีกมาก เช่นระบบปฏิบัติการที่ใช้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานร่วมกันเป็นระบบ เช่น ระบบปฏิบัติการเน็ตแวร์ นอกจากนี้ยังมีระบบปฏิบัติการที่ใช้งานเฉพาะกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นมาเพื่องานใดงานหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ในสถาบันการศึกษา<br />
<br />
ชนิดของระบบปฏิบัติการ จำแนกตามการใช้งานสามารถจำแนกออกได้เป็น 3 ชนิด ด้วยกัน คือ<br />
<br />
<br />
1. ประเภทใช้งานเดียว (Single-tasking) ระบบปฏิบัติการประเภทนี้จะกำหนดให้คอมพิวเตอร์ใช้งานได้ครั้งละหนึ่งงานเท่านั้น ใช้ในเครื่องขนาดเล็กอย่างไมโครคอมพิวเตอร์ เช่น ระบบปฏิบัติการดอส เป็นต้น<br />
<br />
2. ประเภทใช้หลายงาน (Multi-tasking) ระบบปฏิบัติการประเภทนี้สามารถควบคุมการทำงานพร้อมกันหลายงานในขณะเดียวกัน ผู้ใช้สามารถทำงานกับซอฟต์แวร์ประยุกต์ได้หลายชนิดในเวลาเดียวกัน เช่น ระบบปฏิบัติการ Windows 98 ขึ้นไป และUNIX เป็นต้น<br />
<br />
3. ประเภทใช้งานหลายคน (Multi-user)ในหน่วยงานบางแห่งอาจใช้คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ทำหน้าที่ประมวลผล ทำให้ในขณะใดขณะหนึ่งมีผู้ใช้คอมพิวเตอร์พร้อมกันหลายคน แต่ละคนจะมีสถานีงานของตนเองเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ จึงต้องใช้ระบบปฏิบัติการที่มีความสามารถสูง เพื่อให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถทำงานเสร็จในเวลา เช่น ระบบปฏิบัติการWindows NT และ UNIX เป็นต้น<br />
<br />
2. ตัวแปลภาษา<br />
<br />
การพัฒนาซอฟแวร์ต้องอาศัยซอฟแวร์ที่ใช้ในการแปลภาษาระดับสูงเพื่อแปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง ภาษาระดับสูงมีหลายภาษาซึ่งสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้เขียนโปรแกรมเขียนชุดคำสั่งได้ง่าย เข้าใจได้ และเพื่อให้สามารถปรับปรุงแก้ไขซอฟแวร์ในภายหลังได้ ภาษาระดับสูงที่พัฒนาขึ้นทุกภาษาต้องมีตัวแปลภาษาซึ่งภาษาระดับสูงได้แก่ ภาษา Basic, Pascal, C และภาษาโลโก้ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอีกมาก ได้แก่ Fortran, Cobol, และภาษาอาร์พีจี<br />
<br />
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)<br />
<br />
2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ทำงานเฉพาะด้าน เช่น การจัดพิมพ์รายงาน การนำเสนองาน การจัดทำบัญชี การตกแต่งภาพ หรือการออกแบบเว็บไซต์ เป็นต้น<br />
<br />
ประเภทของซอฟต์แวร์ประยุกต์<br />
<br />
แบ่งตามลักษณะการผลิต จำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ<br />
<br />
1.ซอฟแวร์ที่พัฒนาขึ้นใช้เองโดยเฉพาะ (Proprietary Software)<br />
2.ซอฟแวร์ที่หาซื้อได้ทั่วไป (Packaged Software) มีทั้งโปรแกรมเฉพาะ (Customized Package) และ โปรแกรมมาตรฐาน (Standard Package)<br />
<br />
แบ่งตามกลุ่มการใช้งาน จำแนกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้<br />
<br />
1. กลุ่มการใช้งานทางด้านธุรกิจ(Business)<br />
2. กลุ่มการใช้งานด้านกราฟิกและมัลติมีเดีย(Graphic and Multimedia)<br />
3. กลุ่มการใช้งานบนเว็บ (Web and Communications)<br />
<br />
กลุ่มการใช้งานทางด้านธุรกิจ (Business)<br />
<br />
ซอฟแวร์กลุ่มนี้ ถูกนำมาใช้โดยมุ่งหวังให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นการจัดพิมพ์รายงานเอกสาร นำเสนองาน และการบันทึกนัดหมายต่างๆ<br />
<br />
ตัวอย่างเช่น<br />
โปรแกรมประมวลคำ อาทิ Microsoft Word, Sun StarOffice Writer<br />
โปรแกรม ตารางคำนวณ อาทิ Microsoft Excel, Sun StarOffice Cals<br />
โปรแกรมนำเสนองาน อาทิ Microsoft PowerPoint, Sun StarOffice Impress<br />
<br />
กลุ่มการใช้งานทางด้านกราฟิกและมัลติมีเดีย<br />
<br />
ซอฟแวร์กลุ่มนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยจัดการด้านงานกราฟิกและมัลติมีเดีย เพื่อให้งานง่ายขึ้น เช่น ใช้ตกแต่ง วาดรูป ปรับเสียง ตัดต่อภาพเคลื่อนไหว และการสร้างและออกแบบเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น<br />
<br />
โปรแกรมงานออกแบบ อาทิ Microsoft Visio Professional<br />
โปรแกรมตกแต่งภาพ อาทิ CorelDRAW, Adobe Photoshop<br />
โปรแกรมตัดต่อวิดิโอและเสียง อาทิ Adobe Premiere, Pinnacle Studio<br />
โปรแกรมสร้างสื่อมัลติมีเดีย อาทิ Adobe Authorware, Toolbook Instructor, Adobe Director<br />
โปรแกรมสร้างเว็บ อาทิ Adobe Flash, Adobe Dreamweaver<br />
<br />
กลุ่มการใช้งานบนเว็บและการติดต่อสื่อสาร<br />
<br />
เมื่อเกิดการเติบโตของเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซอฟแวร์กลุ่มนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานเฉพาะเพิ่มมากขึ้น เช่น โปรแกรมการตรวจเช็คอีเมล การท่องเว็บไซต์ การจัดการดูแลเว็บ และการส่งข้อความติดต่อสื่อสาร การประชุมทางไกลผ่านเครือข่าย<br />
<br />
<br />
ตัวอย่างเช่น<br />
โปรแกรมจัดการอีเมล อาทิ Microsoft Outlook, Mozzila Thunderbird<br />
โปรแกรมท่องเว็บ อาทิ Microsoft Internet Explorer, Mozzila Firefox<br />
โปรแกรม ประชุมทางไกล (Video Conference) อาทิ Microsoft Netmeeting<br />
โปรแกรมส่งข้อความด่วน (Instant Messaging) อาทิ MSN Messenger/<br />
Windows Messenger, ICQ<br />
โปรแกรมสนทนาบนอินเทอร์เน็ต อาทิ PIRCH, MIRCH<br />
<br />
<br />
ความจำเป็นของการใช้ซอฟต์แวร์<br />
<br />
การใช้ภาษาเครื่องนี้ถึงแม้ว่าคอมพิวเตอร์จะเข้าใจได้ทันที แต่มนุษย์ผู้ใช้จะมีข้อยุ่งยากมาก เพราะเข้าใจและจดจำได้ยาก จึงมีผู้สร้างภาษา คอมพิวเตอร์ในรูปแบบที่เป็นตัวอักษร เป็นประโยค ข้อความ ภาษาในลักษณะดังกล่าวนี้เรียกว่าภาษา คอมพิวเตอร์ระดับสูง ภาษาระดับสูงมีอยู่มากมาย บางภาษามีความเหมาะสมกับการใช้สั่งงานการ คำนวณทางคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ บางภาษามีความเหมาะสมไว้ใช้สั่งงานทางด้านการจัดการข้อมูล<br />
<br />
ซอฟต์แวร์และภาษาคอมพิวเตอร์<br />
<br />
เมื่อมนุษย์ต้องการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการทำงาน มนุษย์จะต้องบอกขั้นตอนวิธีการให้คอมพิวเตอร์ทราบ การที่บอกสิ่งที่มนุษย์เข้าใจให้คอมพิวเตอร์รับรู้ และทำงานได้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีสื่อกลาง ถ้าเปรียบเทียบกับชีวิตประจำวันแล้ว เรามีภาษาที่ใช้ในการติดต่อซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกันถ้ามนุษย์ต้องการจะถ่ายทอดความต้องการให้คอมพิวเตอร์รับรู้และปฏิบัติตามจะต้องมีสื่อกลางสำหรับการติดต่อเพื่อให้คอมพิวเตอร์รับรู้ เราเรียกสื่อกลางนี้ว่า ภาษาคอมพิวเตอร์ ภาษาคอมพิวเตอร์ในแต่ละยุคประกอบด้วย<br />
<br />
ภาษาเครื่อง (Machine Languages)<br />
<br />
เนื่องจากคอมพิวเตอร์ทำงานด้วยสัญญาณทางไฟฟ้า ใช้แทนด้วยตัวเลข 0 และ 1 ได้<br />
ผู้ออกแบบคอมพิวเตอร์ใช้ตัวเลข 0 และ 1 นี้เป็นรหัสแทนคำสั่งในการสั่งงาน คอมพิวเตอร์<br />
รหัสแทนข้อมูลและคำสั่งโดยใช้ระบบเลขฐานสองนี้ คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ เราเรียกเลขฐานสองที่ประกอบกันเป็นชุดคำสั่งและใช้สั่งงานคอมพิวเตอร์ว่าภาษาเครื่อง<br />
การใช้ภาษาเครื่องนี้ถึงแม้คอมพิวเตอร์จะเข้าใจได้ทันทีแต่มนุษย์ผู้ใช้จะมีข้อยุ่งยากมาก เพราะเข้าใจและจดจำได้ยาก จึงมีผู้สร้างภาษาคอมพิวเตอร์ในรูปแบบอื่นที่เป็นตัวอักษร<br />
<br />
ภาษาแอสเซมบลี (Assembly Languages)<br />
<br />
เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 2 ถัดจากภาษาเครื่อง ภาษาแอสเซมบลีช่วยลดความยุ่งยากลงในการเขียนโปรแกรมเพื่อติดต่อกับคอมพิวเตอร์ แต่อย่างไรก็ตามภาษาแอสเซมบลีก็ยังมีความใกล้เคียงภาษาเครื่องอยู่มาก และจำเป็นต้องใช้ตัวแปลภาษาที่เรียกว่าแอสเซมเบลอร์(Assembler) เพื่อแปลชุดภาษาแอสเซมบลีให้เป็นภาษาเครื่อง<br />
<br />
ภาษาระดับสูง (High-Level Languages)<br />
<br />
เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 3 เริ่มมีการใช้ชุดคำสั่งที่เรียกว่า Statements ที่มีลักษณะเป็นประโยคภาษาอังกฤษ ทำให้ผู้ที่เขียนโปรแกรมสามารถเข้าใจชุดคำสั่งเพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์<br />
ทำงานง่ายขึ้น ผู้คนทั่วไปสามารถเรียนรู้และเขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้น เนื่องจากภาษาระดับสูงใกล้เคียงภาษามนุษย์ ตัวแปลภาษาระดับสูงเพื่อให้เป็นภาษาเครื่องนั้นมีอยู่ 2 ชนิด ด้วยกัน คือ<br />
คอมไพเลอร์ (Compiler) และ อินเทอร์พรีเตอร์ (Interpreter<br />
คอมไพเลอร์ จะทำการแปลโปรแกรมที่เขียนเป็นภาษาระดับสูงทั้งโปรแกรมให้เป็น<br />
ภาษาเครื่องก่อน แล้วจึงให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามภาษาเครื่องนั้น<br />
อินเทอร์พรีเตอร์ จะทำการแปลทีละคำสั่ง แล้วให้คอมพิวเตอร์ทำตามคำสั่งนั้น เมื่อทำเสร็จ<br />
แล้วจึงมาทำการแปลคำสั่งลำดับต่อไป ข้อแตกต่างระหว่างคอมไพเลอร์กับอินเทอร์พรี<br />
เตอร์จึงอยู่ที่การแปลทั้งโปรแกรมหรือแปลทีละคำสั่งsakkarinhttp://www.blogger.com/profile/16322796580212802664noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4368314649866352138.post-34148126052532986552013-01-17T23:10:00.001-08:002013-01-17T23:10:04.050-08:00<span style="font-size: large;">การสืบค้นข้อมูล</span><br />ความหมายของเครื่องช่วยค้นหา(Search Engines)<br /> คือ เครื่องมือหรือเว็บไซต์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูลและข่าวสาร ที่อยู่ของเว็บไซต์ (Address) ต่าง ๆ ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เนื่องจากปัจจุบันการใช้งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีการพัฒนาไปค่อนข้างมาก และโดยการใช้งานที่สะดวกขึ้น ทำให้เว็บที่เป็นแหล่งรวมข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นอย่างมากมายมหาศาล<br />ประเภทของเครื่องช่วยค้นหา (Search Engines)<br />อินเด็กเซอร์ (Indexers)<br />Search Engines แบบอินเด็กเซอร์จะมีโปรแกรมช่วยจัดการหาข้อมูลในการค้นหา หรือที่เรียกว่า Robot วิ่งไปมาในอินเทอร์เน็ตโดยอัตโนมัติ เพื่ออ่านข้อมูลจากเว็บเพจ (Web Pages) ต่าง ๆ ทั่วโลกมาจัดทำเป็นฐานข้อมูลไว้ โดยจะใช้ตัวอินเด็กซ์ (Index) ค้นหาจากข้อความในเว็บเพจที่ได้สำรวจมาแล้ว<br />ตัวอย่างของเว็บไซด์ที่ให้บริการตามแบบอินเด็กเซอร์<br /> - http://www.altavista.com - http://www.excite.com<br /> - http://www.hotbot.com - http://www.magellan.com<br /> - http://www.webcrawler.com<br />ไดเร็กทอรี (Directories)<br />Search Engines แบบไดเร็กทอรีจะใช้การเก็บรวบรวมข้อมูล โดยแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ ซึ่งก็เปรียบเสมือนกับเป็นแค็ตตาล็อกสินค้า (Catalog) เราสามารถเลือกจากหมวดหมู่ใหญ่ แล้วเลือกดูหมวดหมู่ย่อย ๆ ลงไปเรื่อย ๆ จนพบกับข้อมูลที่ต้องการ โดยจะแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่ง URL และรายละเอียดเกี่ยวกับ URL นั้น ๆ ซึ่งได้มาจากการวิเคราะห์เนื้อหาของแต่ละเว็บเพจว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร<br />ตัวอย่างของเว็บไซต์ที่ให้บริการด้วยไดเร็กทอรี<br />- http://www.yahoo.com - http://www.lycos.com<br />- http://www.looksmart.com - http://www.galaxy.com<br />- http://www.askjeeves.com - http://www.siamguru.com<br />เมตะเสิร์ช (Meta search)<br />Search Engines แบบเมตะเสิร์ชจะใช้หลาย ๆ วิธีการมาช่วยในการค้นหาข้อมูล โดยจะรับคำสั่งค้นหาจากเรา แล้วส่งต่อไปยังเว็บไซต์ที่เป็น Search Engines หลาย ๆ แห่งพร้อม ๆ กัน ทำให้เราสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ Search Engines ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จะสรุปแสดงผลลัพธ์ออกมา<br />ตัวอย่างของเว็บไซต์ที่ให้บริการด้วยเมตะเสิร์ช<br />- http://www.dogpile.com<br />- http://www.profusion.com<br />- http://www.metacrawler.com<br />- http://www.highway61.com<br />- http://www.thaifind.com<br />เว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลที่ได้รับความนิยม<br />Yahoo<br />เว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลแบบไดเร็กทอรี่<br />เป็นรายแรกในอินเทอร์เน็ต และเป็นเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้งานสูงสุดในปัจจุบัน เพราะมีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระเบียบ และผู้ใช้บริการมีโอกาสที่จะได้รับข้อมูลตรงกับความต้องการสูง การใช้งาน Yahoo แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ การค้นหาในแบบเมนู และการค้นหาแบบวิธีระบุคำที่ต้องการค้นหา<br />Alta vista<br />เป็น Search Engines ของบริษัท Digital Equipment Corp. หรือ DEC ซึ่งมีฐานข้อมูลที่มีขนาดใหญ่มาก และมีโปรแกรมที่ช่วยในการค้นหาที่มีความสามารถสูงเป็นจุดเด่น โดยมีเว็บเพจอินเด็กซ์ (Indexed Web Pages) เป็นจำนวนมากกว่า150 ล้านเว็ปเพจที่เราสามารถใช้ในการค้นหาข้อมูล<br />Excite<br />เป็น Search Engines ที่มีจำนวนไซต์ (site) ในคลังข้อมูลมากที่สุดตัวหนึ่งและสามารถค้นหาข้อมูลที่เป็นคำหรือความหมายของคำได้ โดยจะทำการค้นหาข้อมูลจาก World Wide Web และ Newsgroups เป็นหลัก จากการที่ excite มีข้อมูลในคลังข้อมูลเป็นจำนวนมาก ทำให้ผลลัพธ์ในการค้นหาข้อมูลที่ได้มีเป็นจำนวนมากตามไปด้วย<br />Hot-bot<br />เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลที่ได้รับความนิยมอีกเว็บไซต์หนึ่ง มีจุดเด่นตรงที่สามารถกำหนดเงื่อนไขขั้นสูงได้ง่ายกว่าเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ<br />Go.com<br />เว็บไซต์ที่มีการนำเสนอข่าวทันเหตุการณ์ต่าง ๆ จากแหล่งข่าวต่าง ๆ เป็นจำนวนมากตลอดจนข่าวในด้านบันเทิง (Entertainment News) นอกจากนี้ยังมีการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์ต่าง ๆ<br />Lycos<br />ฐานข้อมูลของ Lycos มีขนาดใหญ่มาก ซึ่งมีคลังข้อมูลมากกว่า 1,500,000 ไซต์และมีเทคนิคในการค้นหาข้อมูลที่ดีมากด้วย โดยมีระบบการค้นหาข้อมูลที่รวดเร็วที่สามารถลงไปค้นหาข้อมูลจาก World Wide Web ได้ทุกรูปแบบจนถึงการค้นเป็นคำต่อคำ<br />Look smart<br />เกิดขึ้นจากความคิดของชาวออสเตรเลีย 2 คนที่ไม่ประทับใจการค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตสมัยนั้น โดยขอความช่วยเหลือทางการเงินจาก Reader’s Digest ทั้งสองจึงลงมือสร้างเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลที่คำนึงถึงความใช้ง่ายให้เหมะกับทั้งมือใหม่และผู้ที่ชำนาญอินเทอร์เน็ต<br />Web Crawler<br />เป็นเว็บไซต์ที่มีคลังข้อมูลอยู่ในระดับปานกลาง การค้นหาข้อมูลของ WebCrawlerจะมีข้อจำกัดก็คือ ใช้ค้นหาข้อมูลที่เป็นวลีหรือข้อความทั้งข้อความไม่ได้ จะสามารถค้นหาข้อมูลได้เฉพาะที่เป็นคำ ๆ เท่านั้น<br />Dog pile<br />เป็นเว็บไซต์ประเภทเมตะเสิร์ชที่ใช้งานง่าย และค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โดยการพิมพ์คำที่เราต้องการค้นหาลงในช่องค้นหา และคลิกปุ่ม Fetch โดยผลลัพธ์ของการค้นหาจะถูกแสดงขึ้นมาบนจอภาพอย่างรวดเร็ว<br />Ask Jeeves<br />เป็นเว็บไซต์น้องใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในอินเทอร์เน็ต โดยเราสามารถถามคำถามที่เราอยากรู้โดยพิมพ์คำถามลงไปในช่องกรอกข้อความ และคลิกปุ่ม Ask แล้ว Ask Jeeves จะไปทำการค้นหาคำตอบ (Answer) จากเว็บไซต์ต่าง ๆ ให้เรา<br />Pro Fusion<br />เว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลแบบเมตะเสิร์ช โดยค้นหาข้อมูลจาก Search Engines ที่ได้รับความนิยมถึง 9 แห่งด้วยกัน โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ Search Engines ใดในการค้นหาข้อมูลทำให้สามารถค้นหาข้อมูลได้สะดวกรวดเร็วและตรงกับความต้องการ<br />Simulacrum<br />siamguru.com ภายใต้สมญานาม “เสิร์ชฯ ไทยพันธุ์แท้” (Real Thai Search Engine) เป็นเว็บไซต์ที่มีเครื่องมือค้นหาสำหรับคนไทยที่ดีที่สุดในประเทศไทย โดยให้บริการค้นหาข้อความแบบธรรมดาและแบบพิเศษ ค้นหาภาพ ค้นหาเพลง นักร้องต่าง ๆ โดยใช้เทคโนโลยีการค้นหาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับการค้นหาภาษาไทย ตลอดจนมีระบบการเก็บข้อมูลใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา<br />การใช้งาน Search Engines<br />การระบุคำที่ต้องการค้นหาหรือใช้คีย์เวิร์ด Yahoo.com<br />การค้นหาข้อมูลด้วยวิธีนี้ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะต้องป้อนข้อความที่ต้องการค้นหาหรือเรียกว่าคีย์เวิร์ด (Keyword) ลงไปในช่องสำหรับกำหนดการค้นหา ในเว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูล<br />การค้นหาจากหมวดหมู่ (Directories)<br />ในปัจจุบันเว็บไซต์ประเภท ต่าง ๆ มักจะมีการค้นหาแบบระบุคำหรือใช้คีย์เวิร์ด และการค้นหาจากหมวดหมู่ควบคู่กันไป ซึ่งการค้นหาจากหมวดหมู่จะมีการแบ่งหัวข้อต่าง ๆ ออกเป็นหัวข้อหลัก และในแต่ละหัวข้อหลักก็ประกอบไปด้วยหัวข้อย่อยลงไปเรื่อย ๆ ผู้ใช้สามารถคลิกที่ลิงก์ ไปยังหัวข้อย่อยต่าง ๆ จนพบกับข้อมูลที่ต้องการ<br />เทคนิคในการค้นหาข้อมูล<br />เทคนิคสำคัญที่ช่วยให้การค้นหาข้อมูลประสบความสำเร็จมีอะไรบ้าง<br />เทคนิคและวิธีการที่ช่วยให้การค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตประสบความสำเร็จ ได้แก่<br />1. บีบประเด็นให้แคบลง เนื่องจากจำนวนข้อมูลที่มีมากมายในอินเทอร์เน็ตทำให้การค้นหาได้ผลลัพธ์<br />ออกมาเป็นจำนวนมาก<br />2. ใช้สิ่งที่เรียกว่าออปชัน (Option) เป็นตัวช่วยในการค้นหาข้อมูล ซึ่งเว็บไซต์ที่เป็น Search Engines<br />ส่วนใหญ่จะมีให้อยู่แล้ว<br />3. อย่าค้นหาคำที่เราต้องการเท่านั้น ควรจะค้นหาคำที่มีความหมายเหมือนกันหรือใกล้เคียงกันด้วย<br />4. หลีกเลี่ยงการค้นหาคำที่เป็นคำเดี่ยว ๆ หรือมีตัวเลขปนอยู่ เช่น NT หรือ 3D แต่ถ้าต้องการ<br />ค้นหาจริง ๆ จะต้องใส่เครื่องหมายคำพูดลงไปด้วย (“ ”)<br />5. พวกกลุ่มคำ หรือวลี ก็ต้องใส่เครื่องหมายคำพูดลงไปเช่นเดียวกัน<br />6. หลีกเลี่ยงคำจำพวก Natural Language (ภาษาพูด)<br />7. ควรใช้สิ่งที่เรียกว่า Advanced Search หรือ Power Search เข้ามาช่วย เพราะจะทำให้<br />ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการของเรามากกว่าการค้นหาแบบธรรมดา<br />8. พยายามอย่าตั้งคำถามโดยมีคำนำหน้านาม (Articles) นำหน้าคำที่เราต้องการค้นหา<br />เช่น การใช้ an หรือ the นำหน้า<br />9. ตรวจสอบข้อความหรือคำที่ต้องการค้นหาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้พิมพ์หรือสะกดคำผิด<br />10. ถ้าผลลัพธ์ที่ได้จากคำถามครั้งแรกไม่ตรงกับความต้องการของเรา ให้ทดลองเปลี่ยน<br />คำถามเล็กน้อย<br />11. คำที่มีความหมายเหมือนกันหรือคล้ายกัน (Synonym) ยกตัวอย่างเช่น คำว่า<br />“Mother Board” เราสามารถใช้คำว่า “Main board” แทนได้<br />12. ถ้าคำถามของเรามีคำที่ต้องแยกจากัน เช่น คำว่า “Mother Board” เราจำเป็นต้องใ<br />ช้เครื่องหมายอัญประกาศ หรือเครื่องหมายคำพูด (“ ”) เพราะจะทำให้ Search<br />Engines มองรูปของคำว่า “Mother Board” เป็นข้อความเดียวกัน<br />13. ใช้ Help ให้เป็นประโยชน์ เพราะ Help เหล่านั้นจะมีเทคนิคหรือวิธีการของแต่ละ Search Engines<br />ที่ช่วยแนะนำเทคนิคต่าง ๆ ที่สามารถใช้ได้หรือไม่ได้บนเว็บ Search Engines นั้น ๆ และยังมีข้อมูลที่<br />เป็นประโยชน์ต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งจะช่วยให้เราได้รับความสะดวกรวดเร็วในการค้นหาด้วย<br />การใช้โปรแกรมเบราว์เซอร์ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต<br />การค้นกาข้อมูลโดย Internet Explorer<br />1.คลิกเม้าส์ที่ปุ่ม Search บนแถบเครื่องมือ<br />2.จะปรากฏหน้าต่าง Search ขึ้นมาทางด้านซ้ายของหน้าต่าง คลิกที่ปุ่ม Customize<br />3.จะปรากฏหน้าต่าง Customize Search Setting บนจอภาพ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ามี Search<br />Engines ต่าง ๆ ให้เราสามารถเลือกใช้ในการค้นหาข้อมูล<br />4.คลิกที่ปุ่ม OK<br />5.เลือกสิ่งที่ต้องการให้โปรแกรม Internet Explorer ค้นหา<br />6.กรอกข้อความ แล้วคลิกเม้าส์ที่ปุ่ม เพื่อเริ่มต้นการค้นหา<br />7.จะปรากฏรายชื่อเว็บไซต์ที่มีข้อมูลที่เราต้องการ เราสามารถคลิกเม้าส์ที่ชื่อเว็บไซต์เหล่านั้น<br />ได้ทันทีsakkarinhttp://www.blogger.com/profile/16322796580212802664noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4368314649866352138.post-58221761221925013922013-01-17T23:06:00.002-08:002013-01-17T23:08:49.807-08:00<a href="http://alonejo3z.blogspot.com/2013/01/blog-post.html" style="font-size: xx-large;">คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์</a><br />
<br />
คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องมือหรืออุปกรณ์ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานด้วยคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือโปรแกรมต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายได้หลายแบบ ลักษณะเด่นของคอมพิวเตอร์คือมีศักยภาพสูงในการคำนวณประมวลผลข้อมูลทั้งที่เป็นตัวเลข รูปภาพ ตัวอักษร และเสียงส่วนประกอบสำคัญของคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ หมายถึง ส่วนที่ประกอบเป็นคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็น 5 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 หน่วยรับข้อมูลเข้า (Input Unit)เป็นวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาเชื่อมต่อ ทำหน้าที่ป้อนสัญญาณเข้าระบบ เพื่อกำหนดให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามต้องการ ได้แก่- แป้นอักขระ (Keyboard)- แผ่นซีดี (CD-Rom)-ไมโครโฟน (Microphone) เป็นต้นส่วนที่ 2 หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit)ทำหน้าที่เกี่ยวกับการคำนวณทางตรรกะและคณิตศาสตร์ ร่วมถึงการประมวลข้อมูลตามคำสั่งที่ได้รับส่วนที่่ 3 หน่วยความจำ (Memory Unit)ทำหน้าที่เก็บข้อมูลหรือคำสั่งที่ส่งมาจากหน่วยรับข้อมูลเพื่อเตรียมส่งไปประมวลผลยังหน่วยประมวลผลกลาง และเก็บผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลแล้วเพื่อเตรียมส่งไปยังหน่วยแสดงผลส่วนที่ 4 หน่วนแสดงผล (Output Unit)ทำหน้าที่แสดงข้อมูลที่คอมพิวเตอร์ทำการประมวลผล หรือผ่านการคำนวณแล้วส่วนที่ 5 อุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆ (Peripheral Equipment)เป็นอุปกรณ์ที่นำมาต่อพ่วงกับคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยประสิทธิภาพในการทำงานให้มากยิ่งขึ้น เช่น โมเด็ม (Modem) แผงวงจรเชื่อมต่อเครือข่าย เป็นต้นประโยชน์ของคอมพิวเตอร์1.มีความเร็วในการทำงานสูง สามารถประมวลผลคำสั่งได้รวดเร็วเพียงชั่ววินาที จึงใช้งานคำนวณต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว2.มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ใช้แทนกำลังคนได้มาก3.มีความถูกต้องแม่นยำ ตามโปรแกรมสั่งงานและข้อมูลที่ใช้4.เก็บข้อมูลได้มาก ไม่เปลืองเนื้อที่เก็บเอกสาร5.สามารถโอนย้ายข้อมูลจากเครื่องหนึ่งไปยังเครื่องหนึ่งผ่านระบบเครือข่ายได้อย่างรวดเร็วช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน ระบบคอมพิวเตอร์หมายถึง กรรมวิธีที่คอมพิวเตอร์ทำการใดๆ กับข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ตามความประสงค์ของผู้ใช้งานให้มากที่สุด เช่น ระบบเสียภาษี ระบบทะเบียบราษฎร์ ระบบทะเบียนการค้า ระบบเวช ทะเบียบของโรงพยาบาล เป็นต้นการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้สามารถเข้าถึงได้โดยการตรวจสอบจากการประมวลผลของระบบคอมพิวเตอร์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้ององค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจะประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ส่วน ดังนี้1.ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หรือส่วนเครื่อง2.ซอฟต์แวร์ (Software) หรือส่วนชุดคำสั่ง3.ข้อมูล (Data)4.บุคลากร (Peopleware)ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง ตัวเครื่องและอุปกรณ์ส่วนต่างๆ ที่เราสามารถสัมผัสและจับต้องได้ ฮาร์ดแวร์ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ส่วน ดังนี้1.ส่วนประมวลผล (Precessor)2.ส่วนความจำ (Memory)3.อุปกรณ์รับเข้าและส่งออก (Input-Output Devices)4.อุปกรณ์หน่วยเก็บข้อมูล (Storage Devices)ส่วนที่ 1 CPU CPU เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่เปรียบเสมือนสมอง มีหน้าที่หลักในการควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ ประมวลผลและเปรียบเทียบข้อมูลโดยทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลดิบและแปลงให้เป็นสารสนเทศที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ความสามารถของ ซีพียู นั้น พิจารณาจากความเร็วของการทำงาน การรับส่งข้อมูล อ่านและเขียนข้อมูลในหน่วยความจำ ความเร็วของซีพียูขึ้นอยู่กับตัวให้จังหวะที่เรียกว่า สัญญาณนาฬิกาเป็นความเร็วของจำนวณรอบสัญญาณใน 1 วินาที มีหน่วยเป็น เฮิร์ตซ์ (Hertz) เช่น สัญญาณความเร็ว 1 ล้านรอบใน 1 วินาที เทียบเท่าความเร็วสัญญาณนาฬิกา 1 จิกะเฮิร์ตซ์ (1 GHz)ส่วนที่ 2 หน่วยความจำ (Memory)จำแนกออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้1.หน่วยความจำหลัก (Main Memory)2.หน่วยความจำสำรอง (Secondary Storage)<br />
1.หน่วยความจำหลัก (Main Memory)เป็นหน่วยเก็บข้อมูลและคำสั่งต่างๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยชุดความจำข้อมูลที่สามารถบอกตำแหน่งที่เก็บข้อมูลหรือคำสั่ง ข้อมูลจะถูกนำไปเก็บไว้และสามรถนำออกมาใช้ในการประมวลผลภายหลัง โดย CPU ทำหน้าที่ในการนำข้อมูลเข้าและนำออกจากหน่วยความจำการทำงานของคอมพิวเตอร์ต้องใช้พื้นที่ของหน่วยความจำในการทำงานประมวลผลและเก็บข้อมูล ขนาดความจุของหน่วยความจำ คำนวณได้จากค่าจำนวนพื้นที่ที่สามารถใช้ในการเก็บข้อมูล จำนวนพื้นที่คือจำนวนข้อมูล และขนาดของโปรแกรมที่สามารถเก็บข้อมูลได้สูงสุด พื้นที่หน่วยความจำมีมากจะทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็วมากยิ่งขึ้นหน่วยประมวลผลกลาง CPU หน่วยประมวลผลกลาง หรือ CPU มีความหมายทางด้านฮาร์ดแวร์ 2 อย่าง คือ1.ชิป (Chip) ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์<br />
<br />
<br />
<img src="http://4.bp.blogspot.com/-maFpVg8IFvM/UNaXc7djWvI/AAAAAAAAAHk/SihmTkfWzw0/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E3.jpg" /><br />
<br />
<br />
2.ตัวกล่องเครื่องที่มี CPU บรรจุอยู่<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<img src="http://3.bp.blogspot.com/-Xyte9Pq3v_0/UNakVG7fGjI/AAAAAAAAAJE/usH6lMRjgtg/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E4.jpg" /><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
1.หน่วยความจำหลัก<br />
<br />
<br />
แบ่งได้ 2 ประเภทคือ หน่วยความจำแบบ "แรม" (RAM) และหน่วยความจำแบบ "รอม" (ROM)<br />
<br />
<br />
1.1 หน่วยความจำแบบ "แรม" (RAM = Random Access Memory)<br />
<br />
<br />
เป็นหน่วยความจำที่ต้องอาศัยกระแสไฟฟ้าเพื่อรักษาข้อมูล ข้อมูลหรือแฟ้มข้อมูลจะถูกเก็บไว้ชั่วคราวขณะทำงาน ข้อมูลที่อยู่ในหน่วยความจำจะอยู่ได้นานจนกว่าจะปิดเครื่อง หรือไม่มีกระแสไฟฟ้าป้อนให้กับเครื่อง เราเรียกหน่วยความจำประเภทนี้ว่า หน่วยความจำแบบลบเลือนได้ (Volatile Memory)<br />
<br />
<br />
ลักษณะของหน่วยความจำ RAM<br />
<br />
<br />
<img src="http://4.bp.blogspot.com/-0G0j5Mp0-xo/UNaWtRsfW4I/AAAAAAAAAHU/_8J6ABO51A4/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E1.jpg" /><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
1.2 หน่วยความจำแบบ "รอม" (ROM = Read Only Memory)<br />
<br />
<br />
เป็นหน่วยความจำที่ใช้เก็บโปรแกรมหรือข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ข้อมูลที่ถาวรไม่ขึ้นกับไฟฟ้าที่ป้อนให้กับวงจร ยอมให้ซีพียูอ่านข้อมูลหรือโปรแกรมไปใช้งานอย่างเดียวไม่สามารถเขียนข้อมูลลงไปเก็บไว้ได้โดยง่ายส่วนใหญ่ใช้เก็บข้อมูลควบคุม เราเรียกหน่วยความจำประเภทนี้ว่า หน่วยความจำแบบไม่ลบเลือน (Nonvolatile Memory)<br />
<br />
<br />
ชิปหน่วยความจำแบบรอม (ROM Chip)<br />
<br />
<br />
<img src="http://2.bp.blogspot.com/-HYxa-B05rH4/UNaX3tHwRuI/AAAAAAAAAH0/tHnPOflhcoM/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E5.jpg" /> <br />
<br />
<br />
หน่วยความจำสำรอง (Secondary Memory Unit)<br />
<br />
<br />
หน่วยความจำสำรอง หรือหน่วยเก็บข้อมูลรอง เป็นหน่วยเก็บที่สามารถรักษาข้อมูลได้ตลอดไปหลังจากปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว<br />
<br />
<br />
หน่วยความจำรองมีหน้าที่หลักคือ<br />
<br />
<br />
1.ใช้ในการเก็บข้อมูลหรือสำรองข้อมูลเพื่อใช้ในอนาคต<br />
<br />
<br />
2.ใช้ในการเก็บข้อมูลโปรแกรมไว้อย่างถาวร<br />
<br />
<br />
3.ใช้เป็นสื่อในการส่งผ่านข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<img src="http://3.bp.blogspot.com/-Q4mHf43c26s/UNaY7FpisVI/AAAAAAAAAIA/igPKW4NbbYA/s200/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E6.jpg" /> <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
ประโยชน์ของหน่วยความจำสำรอง<br />
<br />
<br />
หน่วยความจำรองจะช่วยแก้ปัญหาการสูญหายของข้อมูลอันเนื่องมาจากไฟฟ้าดับเพราะข้อมูลต่างๆ ที่ส่งเข้ามาประมวลผล เมื่อเรียบร้อยแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จะถูกนำไปเก็บในความจำหลักประเภทแรม หากปิดเครื่องหรือมีปัญหาทางไฟฟ้า อาจทำให้ข้อมูลสูญหายจึงจำเป็นต้องมีหน่วยความจำสำรอง เพื่อนำข้อมูลจากหน่วยความจำแรมมาเก็บไว้ใช้งานในครั้งต่อไป หน่วยความจำประเภทนี้ส่วนใหญ่จะพบในรูปของสื่อที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลภายนอก เช่น ฮาร์ดดิสก์ แผ่นบันทึก ชิปดิสก์ ซีดีรอม ดีวีดี เทปแม่เหล็ก หน่วยความจำแบบแฟลช หน่วนความจำรองนี้ ถึงจะไม่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่เครื่องคอมพิวเตอร์ก็ยังสามารถทำงานได้ปกติ<br />
<br />
<br />
ส่วนแสดงผลข้อมูล<br />
<br />
<br />
เครื่องพิมพ์ (Printer) เครื่องพิมพ์ภาพ (Plotter) และลำโพง (Speaker) เป็นต้น<br />
<br />
<br />
จอภาพ (Monitor)<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<img src="http://3.bp.blogspot.com/-XEU7Qff-OVs/UNaaBK-AjMI/AAAAAAAAAIU/NMJCiREhhNA/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E8.jpg" /><br />
<br />
<br />
เครื่องพิมพ์ภาพ (Plotter)<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<img src="http://4.bp.blogspot.com/-mxyh1x3qbZ4/UNabgJXp0sI/AAAAAAAAAIk/m6IGorqABHQ/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E10.jpg" /><br />
<br />
<br />
เครื่องพิมพ์ (Printer)<br />
<br />
<br />
<br />
<img src="http://3.bp.blogspot.com/-Qpk-fdOXPFU/UNabs3V9M1I/AAAAAAAAAIs/0IbFGKhgxR8/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E9.png" /> <br />
<br />
<br />
ลำโพง (Speaker)<br />
<br />
<br />
<br />
<img src="http://3.bp.blogspot.com/-_YahSmVxa9w/UNacCTh2-4I/AAAAAAAAAI0/En_iU7UwCOI/s200/476-561-thickbox.jpg" /> <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
บุคลากรทางคอมพิวเตอร์ (People Ware)<br />
<br />
<br />
บุคลากรทางคอมพิวเตอร์ หมายถึง คนที่มีความรู้ความสามารถในการใช้หรือควบคุมให้การใช้คอมพิวเตอร์เป็นไปอย่างราบรื่นอาจจะประกอบด้วยคนเพียงคนเดียว หรือหลายคนช่วยกันรับผิดชอบโครงสร้างของหน่วยงานคอมพิวเตอร์<br />
<br />
<br />
บุคลากรทางคอมพิวเตอร์ (People Ware)<br />
<br />
<br />
1.ฝ่ายวิเคราะห์และออกแบบระบบงาน<br />
<br />
<br />
2.ฝ่ายเกี่ยวกับโปรแกรม<br />
<br />
<br />
3.ฝ่ายปฎิบัติงานเครื่องและบริการ<br />
<br />
<br />
บุคลากรในหน่วยงานคอมพิวเตอร์<br />
<br />
<br />
1.หัวหน้าหน่วยงานคอมพิวเตอร์ (EDP Manager)<br />
<br />
<br />
2.หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์และวางแผนระบบงาน (System Analyst หรือ SA)<br />
<br />
<br />
3.โปรแกรมเมอร์ (Programmer)<br />
<br />
<br />
4.ผู้ควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer Operator)<br />
<br />
<br />
5.พนักงานจัดเตรียมข้อมูล (Data Entry Operator)<br />
<br />
<br />
-นักวิเคราะห์ระบบงาน ทำการศึกษาระบบงานเดิม ออกแบบระบบงานใหม่<br />
<br />
<br />
โปรแกรมเมอร์นำระบบงานใหม่ที่นักวิเคราะห์ระบบออกแบบไว้มาสร้างเป็นโปรแกรม<br />
<br />
<br />
-วิศวระบบ ทำหน้าที่ออกแบบ สร้าง ซ่อมบำรุง และดูแลรักษาฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ให้สามารถทำงานได้ตามต้องการ<br />
<br />
<br />
-พนักงานปฎิบัติการทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการปฎิบัติหน้าที่ หรือภารกิจประจำวัน ที่เกี่ยวข้องกัน<br />
<br />
<br />
อาจแบ่งประเภทของบุคลากรคอมพิวเตอร์เป็นระดับต่างๆ ได้ 4 ระดับดังนี้<br />
<br />
<br />
1.ผู้จักการระบบ (System Manager)<br />
<br />
<br />
คือ ผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปตามเป้าหมายของหน่วยงาน<br />
<br />
<br />
2.นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst)<br />
<br />
<br />
คือ ผู้ที่ศึกษาระบบงานเดิมหรืองานใหม่และทำการวิเคราะห์ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ในการใช้คอมพิวเตอร์กับระบบงาน เพื่อให้โปรแกรมเมอร์เป็นผู้เขียนโปรแกรมให้กับระบบงาน<br />
<br />
<br />
3.โปรแกรมเมอร์ (Programmer)<br />
<br />
<br />
คือ ผู้เขียนโปรแกรมสั่งงานเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้ทำงานตามความต้องการของผู้ใช้โดยเขียนตามแผนผังที่นักวิเคราะห์ระบบได้เขียนไว้<br />
<br />
<br />
4.ผู้ใช้ (User)<br />
<br />
<br />
คือ ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่งไป ซึ้งต้องเรียนรู้วิธีการใช้เครื่อง และวิธีการใช้งานโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมที่มีอยู่สามารถทำงารได้ตามที่ต้องการsakkarinhttp://www.blogger.com/profile/16322796580212802664noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4368314649866352138.post-28305032606823003592013-01-17T23:02:00.004-08:002013-01-17T23:04:25.911-08:00<br /><br /><br /><br /> <a href="http://alonejo3z.blogspot.com/2013/01/assignment.html"><span style="font-size: x-large;">งานที่ได้รับมอบหมาย (Assignment)</span></a><br /><br /><br />Search Engine หมายถึง<br /><br /><br />Search Engine (เสิร์ชเอนจิน) เป็นโปรแกรมในการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ผ่านระบบเว็บไซต์และเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ข้อมูลที่ต้องการค้นหา เรียกอย่างเป็นทางการว่า "โปรแกรมช่วยในการสืบค้นข้อมูล" ซึ่ง Search Engine สามารถสืบค้นได้ทั้งข้อความ รูปภาพ สื่อมัลติมิเดีย ภาพเคลื่อนไหว วีดิโอ และข้อมูลอื่น ๆ ได้ตามต้องการ โดยการกรอกคำค้นหา (Keyword) ลงไปในช่องคำค้นหาและคลิกค้นหา Search Engine ก็จะรายงานเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหานั้น ๆ ออกมาแสดงผลให้ผู้ใช้งานได้เห็น ผู้ใช้งานก็จะเลือกอ่าน Title, Description ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาหรือข้อมูลที่ต้องการและคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ข้อมูลเพื่อค้นหาข้อมูลต่อไป<br /><br /><br />ประโยชน์ของ Search Engine<br /><br /><br />Search Engine นั้นมีประโยชน์อย่างมากในการค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตและเป็นเหมือนตัวกลางในการเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้งานและเว็บไซต์ ปัจจุบันผู้ใช้งานส่วนใหญ่ใช้งาน Search Engine มากกว่าการเข้าชมเว็บไซต์โดยตรง เพราะว่าเว็บไซต์บนโลกมีมากมายหลายร้อยหลายพันล้านเว็บไซต์ และเราไม่สามารถรู้ได้ว่าข้อมูลที่เราต้องการนั้นอยู่ในเว็บไซต์ใด เพราะฉะนั้นผู้ใช้งานจึงใช้ Search Engine เป็นตัวกลางในการค้นหาข้อมูล เพื่อที่จะเข้าไปยังเว็บไซต์ที่มีข้อมูลที่ต้องการอยู่นั่นเอง<br /><br /><br />การทำงานของ Search Engine<br /><br /><br />Search Engine แต่ละประเภทจะมีการทำงานที่คล้าย ๆ กันนั่นคือ การส่ง Web Crawler หรือ Spider ไปเก็บข้อมูลเว็บไซต์ต่าง ๆ เข้ามาเก็บไว้ในระบบ เพื่อจัดทำเป็นดัชนี (Indexing) การค้นหา และเมื่อผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลผ่าน Search Engine ตัวโปรแกรม Search Engine ก็จะทำการประมวลผลด้วยอัลกอลิทึมการจัดอันดับ (Ranking) และนำผลลัพท์จากข้อมูลที่มีอยู่ออกมาแสดงผลให้ผู้ใช้งานได้เห็น<br /><br /><br />Search Engine ที่เป็นที่นิยม<br /><br /><br />ในปัจจุบันผู้ใช้งานในประเทศไทยจะใช้งาน Google Search Engine ซึ่งคิดเป็น % แล้วมากถึง 95% เลยทีเดียว เนื่องด้วยคุณภาพ ความเร็วในการค้นหา และลูกเล่นอื่น ๆ เพราะฉะนั้นผู้ที่ต้องการทำ SEO ก็ควรที่จะศึกษาการทำงานของ Google เพื่อที่จะทำให้อันดับการค้นหาของเว็บไซต์ตัวเองอยู่ในอันดับต้น ๆ ได้นั่นเอง<br /><br /><br />ไทยมีบอร์ด กับ Search Engine<br /><br /><br />ไทยมีบอร์ดขับเคลื่อนโดย SMF ซึ่งในเรื่องของ SEO นั้นถือว่ามีโครงสร้างทาง On Page ที่ดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผู้ใช้งานที่ใช้บริการเว็บบอร์ดของไทยมีบอร์ดไม่จำเป็นที่จะต้องปรับแต่งโครงสร้างใด ๆ ของเว็บบอร์ดเลย เพียงแต่ต้องทำ Off Page ใน Keyword และหน้าที่ต้องการโดยการหา Backlink เข้าสู่เว็บไซต์ เพื่อที่จะทำให้อันดับการค้นหาอยู่ในอันดับต้น ๆ ได้ เพราะว่าเมื่อผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลต่าง ๆ แล้วเห็นเว็บไซต์ของเราอยู่ในอันดับต้น ๆ ผู้ใช้งานก็ย่อมที่จะคลิกสู่เว็บไซต์เราเป็นแน่ เพียงแค่นี้ก็จะได้คนเข้าเว็บ (Traffic) กันแล้วsakkarinhttp://www.blogger.com/profile/16322796580212802664noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4368314649866352138.post-74957507742221698002013-01-17T22:58:00.002-08:002013-01-17T22:58:58.166-08:00<br />
<br />
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<b>ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ</b></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
- รูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน</blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
- พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ</blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
- การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน</blockquote>
<br style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;" /><blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<b>รูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน</b></blockquote>
<br style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;" /><blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถจำแนกตามลักษณะการใช้งานได้เป็น 6 รูปแบบ ดังต่อไปนี้คือ</blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
1. เทคโนโลยีที่ใช้ในการเก็บข้อมูล เช่น ดาวเทียมถ่ายภาพทางอากาศ, กล้องดิจิทัล, กล้องถ่ายวีดิทัศน์, เครื่องเอกซเรย์</blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
2. เทคโนโลยีที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล เป็นสื่่อบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เช่น เทปแม่เหล็ก, จานแม่เหล็ก, จานแสงหรือจานเลเซอร์, บัตรเอทีเอ็ม</blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
3. เทคโนโลยีที่ีใช้ในการประมวลผลข้อมูล ได้แก่ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์ และ ซอฟต์แวร์</blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
4. เทคโนโลยีที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูล เช่น เครื่องพิมพ์, จอภาพ, พลอตเตอร์ ฯลฯ</blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
5. เทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดทำสำเนาเอกสาร เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร, เครื่องถ่ายไมโครฟิล์ม</blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
6. เทคโนโลยีสำหรับถ่ายทอดหรือสื่อสารข้อมูลได้แก่ ระบบโทรคมนาคมต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์, วิทยุกระจายเสียง, โทรเลข, เทเล็กซ์ และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งระยะใกล้และระยะไกล</blockquote>
<br style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;" /><blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<b>ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ</b></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
มีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งในทางธุรกิจ และการศึกษา ดังตัวอย่างเช่น</blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
- ระบบเอทีเอ็ม</blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
- การบริการและการทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ต</blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
- การลงทะเบียนเรียน</blockquote>
<br style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;" /><blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<b>พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร</b></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
การแสดงออกทางความคิดและความรู้สึกในการใช้รูปแบบของเทคโนโลยีทุกประเภท ที่นำมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการจัดหา จัดเก็บ สร้างและเผยแพร่สารสนเทศในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ ภาพ ข้อความ หรือ ตัวอักษร ตัวเลขและภาพเครื่อนไหว เป็นต้น</blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<b>การใช้อินเตอร์เน็ต</b></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
งานวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาพบว่า</blockquote>
<br style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;" /><blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อความบันเทิง เนื่องจากเห็นว่ามีความสะดวกในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น ในขณะที่การใช้อินเตอร์เน็ตของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาส่วนใหญ่ใช้เพื่อการเรียนรู้ การติดตามข่าวสารของสถานศึกษา</blockquote>
<br style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;" /><blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<b>ใช้อินเตอร์เน็ต ทำอะไรได้บ้าง</b></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
งานวิจัยชี้ว่า นักศึกษาใช้อินเตอร์เน็ตในการสนทนากับเพื่อนๆ และการค้นข้อมูลจากห้องสมุด</blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
นอกจากนี้งานวิจัยยังขี้ว่านักศึกษาส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ และประกอบการทำรายงาน</blockquote>
<br style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;" /><br style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;" /><blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"><b>สถาบันที่ที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ</b></span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">งานวิจัยพบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้าน และมีการใช้อินเตอร์เน็ตที่ห้องสมุดของสถาบัน</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีการใช้หรือมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศน้อย ในรูปแบบไหนบ้าง?</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"> งานวิจัยชี้ว่า นักศึกษามีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเหล่านี้น้อย ได้แก่ ฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การเรียนรู้แบบออนไลน์หรือ e-Learning วีดีทัศน์ตามอัธยาศัย (Video on Demand) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน</span></span></blockquote>
<span style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px; line-height: 21px;"><br style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;" /></span><blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"><b>การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน</b></span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">-การเรียนรู้แบบออนไลน์ (e-Learning)</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">-บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction-CAI) หรือ (Computer Aided Instruction)</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">-วีดีทัศน์ตามอัธยาศัย (Video on Demand - VOD)</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">-หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Books)</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">-ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Library)</span></span></blockquote>
<span style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px; line-height: 21px;"><br style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;" /></span><blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"><b>การเรียนรู้แบบออนไลน์ (e-Learning)</b></span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"> เป็นการศึกษา เรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ต (Internet) หรืออินทราเน็ต (Intranet) เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ตามความสามารถและความสนใจของตน โดยเนื้อหาของบทเรียนซึ่งประกอบด้วย ข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอและมัลติมีเดียอื่นๆ จะถูกส่งไปยังผู้เรียนผ่านเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) โดยผู้เรียนผู้สอนและเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคน สามารถติดต่อปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้เช่นเดียวกับการเรียนในชั้นเรียนปกติ โดยอาศัยเครื่องมือการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัยสำหรับทุกคน โดยผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ (Learning for all : anyone, anywhere and anytime)</span></span></blockquote>
<span style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px; line-height: 21px;"><br style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;" /></span><blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"> บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction-CAI) คือบทเรียนคอมพิวเตอร์ซึ่งนำเสนอสารสนเทศที่ได้ผ่านกระบวนการสร้างและพิจารณามาเป็นอย่างดี โดยมีเนื้อหาวิชาหรือสารสนเทศ แบบฝึกหัด การทดสอบและการให้ข้อมูลป้อนกลับให้ผู้เรียนได้ตอบสนองต่อบทเรียนได้ตามระดับความสามารถของตนเอง เนื้อหาวิชาที่นไเสนอจะอยู่ในรูปมัลติมีเดีย ซึ่งประกอบด้วย อักษร รูปภาพ เสียง และ/หรือ ทั้งภาพและเสียง ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการนำหนักการเบื้องต้นทางวิตวิทยาการเรรยนรู้มาใช้ในการออกแบบโดดยอาศัยพฤติกรรมการเรียนรู้ (Learning Behavior) ทฤษฎีการเสริมสร้างแรง (Reinforcement Theory) ทฤษฎีการวางเงื่อนไขปฎิบัติ (Operant conditioning Theory ) ซึ่งถือว่าความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนองและการเสริมสร้างแรงเป็นสิ่งสำคัญ โดยมีจุดมุ่งหมายนำผู้เรียนไปสู่การเรียนรุ้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งอาศัยการสอนที่มีการวางโปรแกรมไว้ล่วงหน้า เป็นการให้ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและมีผลย้อนหลังกลับทันทีและเรียนรุ้ไปทีละขั้นตอนอย่างเหมาะสมตามความต้องการและความสามารถของตน </span></span></blockquote>
<span style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px; line-height: 21px;"><br style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;" /></span><blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"> วีดีทัศน์ตามอัธยาศัย (Video on Demand - VOD) คือ ระบบการเรียนดูภาพยนตร์ตามสั่งที่จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกดูภาพยนตร์หรือข้อมูลภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงได้ตามต้องการ ตามสโลแกนที่ว่า "To view what one wants, when one wants". โดยสามารถใช้งานนี้ได้จารเครือข่ายสื่อสาร (Telecommunication Networks) ผู้ใช้งาน ซึ่งอยู่หน้าเครื่องลูกข่าย (Video Client) สามารถเรียกดูข้อมูลที่เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อตามต้องการและสามารถควบคุมข้อมูลวิดีโอนั้นๆ โดยสามารถย้อนกลับ (Rewind) หรือกรอไปข้างหน้า (Forward) หรือหยุดชั่วคราว (Pause) ได้เปรียบเสมือนการดูวิดีโอที่บ้านนั่นเองทั้งนี้เครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายไม่จำเป็นต้องดูข้อมูลเดียวกันกล่าวคือสามารถดูภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน หรือต่างกันก็ได้ </span></span></blockquote>
<span style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px; line-height: 21px;"><br style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;" /></span><blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"><b>หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Books)</b></span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"> คือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านได้ทางอินเทอร์เน็ต โดยมีเครื่องมือที่จำเป็นในการอ่านหนังสือประเภทนี้คือ ฮาร์ดแวร์ประเภทเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาอื่นๆ พร้อมทั้งติดตั้งระบบปฎิบัติการหรือซอฟต์แวร์ที่ใช้อ่านข้อความต่างๆ ตัวอย่างเช่น ออร์แกไนเซอร์แบบพกพา พีดีเอ เป็นต้น ส่วนการดึงข้อมูล e-books ซึ่งจะอยู่บนเว็บไซต์ที่ให้บริการทางด้านนี้มาอ่านก็จะใช้วิธีการดาวน์โหลดผ่านทางอินเตอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่ ลักษณะไฟล์ของ e-books หากนักเขียนหรือสำนักพิมพ์ต้องการสร้าง e-books จะสามารถเลือกได้สี่รูปแบบ คือ Hyper Teat Markup Language (HTML) , Portable Document Format (PDF) , Peanut Markup Language (PML) และ Extensive Markup Language (XML)</span></span></blockquote>
<span style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px; line-height: 21px;"><br style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;" /></span><blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"><b>ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Library)</b></span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;"> เป็นแหล่งความรู้ที่บันทึกข้อมูลไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายและให้บริการสารสนเทศทางอิเล็กทรอนิกส์หรือผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต</span></span></blockquote>
<span style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px; line-height: 21px;"><br style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;" /></span><blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">คุณลักษณะที่สำคัญของห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์มีดังนี้ คือ</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">1.การจัดการทรัพยากรสารสนเทศด้วยคอมพิวเตอร์</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">2.ความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศโดยทางอิเล็กทรอนิกส์</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">3.บรรณารักษ์หรือบุคลากรของห้องสมุดสามารถแทรกการติดต่อระหว่างผู้ใช้กับห้องสมุดได้ เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ได้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์</span></span></blockquote>
<blockquote class="tr_bq" style="background-color: #fffee4; color: #323232; font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 21px;">
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white; color: #333333; line-height: 16px; text-align: left; white-space: pre-wrap;">4.ความสามารถในการจัดเก็บ รวบรวมและนำส่งสารสนเทศสู่ผู้ใช้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์</span></span></blockquote>
sakkarinhttp://www.blogger.com/profile/16322796580212802664noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4368314649866352138.post-53930661490000462272012-11-15T23:50:00.000-08:002012-11-15T23:50:13.998-08:00<b>ความหมายของสารสนเทศ </b><br />
สารสนเทศ หมายถึง ข่าวสารที่สำคัญ เป็นระบบข่าวสารที่กำหนดขึ้น และจัดทำขึ้นภายในองค์การต่างๆตามความต้องการของเจ้าของหรือผู้บริหารองค์การนั้นๆ<br />
สารสนเทศ ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า Information หมายถึง ความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า สารสนเทศเป็นความรู้และข่าวสารที่สำคัญที่มีลักษณะพิเศษทั้งในด้านการได้มาและประโยชน์ในการนำไปใช้ปฎิบัติ<br />
<b>สารสนเทศ มีความหมายตามที่ได้มีการให้คำจำกัดความที่ใกล้เคียงกัน ดังนี้</b><br />
สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลทั้งด้านปริมาณและด้านคุณภาพที่ประมวลจัดหมวดหมู่เปรียบเทียบ<br />
<b>เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร?</b><br />
เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือไอที (IT) เป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อสังคมในปัจจุบัน มีความเกี่ยวกับการจัดเก็บ การประมวลผลและการแสดงผลสารสนเทศ<br />
<b>องค์ประกอบหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศ</b><br />
เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย องค์ประกอบหลัก 2 ส่วน คือ เทคโนโลยยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม Telecommunication Technology<br />
1. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์<br />
คอมพิวเตอร์ จัดเป็นเทคโนโลยีหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศในยุคปัจจุบัน เนื่องจากคอมพิวเตอร์มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งด้านการบันทึก การจัดเก็บ การประมวลผล การแสดงผล และการสืบค้นหาข้อมูลสารสนเทศเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แบ่งเป็น2เทคโนโลยีย่อยที่สำคัญได้2ส่วน คือ เทคโนโลยีฮาร์ดเเวร์ และเทคโนโลยีซอฟต์แวร์<br />
1.1 เทคโนโลยีฮาร์ดเเวร์ หมายถึง อุปกรณ์ทุกชนิดที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ที่ต่อพ่วงเพื่อเชื่อมโยงจำเเนกตามหน้าที่การทำงานออกเป็น 4 ส่วน คือ<br />
(1) หน่วยรับข้อมูล<br />
(2)หน่วยประมวลผลกลางหรือชีพียู : CPU (Central Processing Unit)<br />
(3)หน่วยแสดงผลข้อมูล(Output Unit)<br />
(4)หน่วยความจำสำรอง (Secondary Storge UNIT<br />
1.2เทคโนโลยีซอฟต์แวร์ (Software)<br />
หมายถึงโปรแกรมหรือชุดคคำสั่งที่ทำหน้าที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ<br />
ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ<br />
1)ซอฟต์แวร์ระบบ (System<br />
2)ซอฟแวร์ประยุกต์ (Application Software) คือ ชุดคำสั่งที่ผู้ฝช้ส่งเข้าสู้เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการsakkarinhttp://www.blogger.com/profile/16322796580212802664noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4368314649866352138.post-73057859917996443362012-11-15T22:58:00.003-08:002012-11-15T22:58:45.892-08:00เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่่อสารสำหรับครู<br />
คำอธิบายรายวิชา<br />
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ความก้าวหน้้าของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น ไมโครคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสารข้อมูล ระบบเน็ตเวิร์ก ระบบซอฟแวร์ การจัดการทรัพยากรสารสสนเทศ เครื่องมือการเข้าถึงสารสนเทศ ทักษะการเข้าถึงสารสนเทศ ฐานข้อมูลสารสนเทศ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์และการอ้างอิงฝึกปฎิบัติการ สามารถใช้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานและใช้เทคโนโลยีsakkarinhttp://www.blogger.com/profile/16322796580212802664noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4368314649866352138.post-67111627923838565452012-11-08T23:37:00.000-08:002012-11-08T23:37:31.992-08:00Assignment 11.บอกความหมายของคำต่อไปนี้ตามความเข้าใจของนักศึกษาเอง<br />
เทคโนโลยี หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ให้เกิดประโยชน์ การศึกษาพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆก็เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติกฎเกณฑ์ของสิ่งต่างๆและหาทางมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ เทคโนโลยีจึงเป็นคำที่มีความหมายกว้าง<br />
เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้จัดการสารสนเทศเเละเทคโนโลยีเกี่ยวข้องกันตั้งแต่การรวบรวม การจัดข้อมูล และการประมวลผล การพิมพ์ การสร้างรายงาน การสื่อสารข้อมูล ฯลฯ เทคโนโลยีสารสนเทศรวมถึงเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดระบบการให้บริการ การใช้ และการดูแลข้อมูล<br />
เทคโนโลยีการสื่อสาร (Cmmunicution Technology) หมายถึง เทคโนโลยีกระบวนการถ่ายทอดข่าวสาร ข้อมูลความรู้ ประสบการณ์ ความรู้สึกความคิดเห็นความต้องการของผู้ส่งสารโดยผ่านสื่อต่างๆที่อาจเป็นการพูด การเขียนสัญญาลักษณ์ใดโดยผ่านทางอินเตอร์เน็ต<br />
2.Cyber Bully หมายถึงอะไรหรือปรากฎการณ์ใด หมายถึง สื่ออินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์เป็นรูปแบบการรังแก ประเภทนี้มีตั้งแต่การนินทาด่าทอการส่งต่อข้อมูลที่เป็นความลับของคนอื่นโดยมีเจตนาให้บุคคลนั้นได้รับความอับอาย เสื่อมเสียชื่อเสียง เช่น การกล่าวว่าเป็นโลเภณีเป็นเกย์ผ่านสื่อทางอีเมลล์ โดยฝ่ายที่เป็นเหยื่อในการกล่าวหาจะไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นผู้กระทำsakkarinhttp://www.blogger.com/profile/16322796580212802664noreply@blogger.com0